วันพุธที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2553
ที่อยู่เว็บไซต์
จากใจอาจารย์
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ย่อมมีเหตุและมีผลมีเกิดขึ้นและก็ดับไปฉะนั้นเราได้เกิดขึ้นมาในโลกใบนี้ ขอให้ทุกคนได้เร่งทำแต่คุณงามความดี ความดีหาไม่ยาก ทำไม่ยาก เป็นข้าราชการ ก็เป็นคนดีความดีได้ เป็นพ่อค้าประชาชนทั่วไปก็ทำความดีได้เป็นคนดีของสังคมไม่ทำให้ตนเองหรือผู้อื่นเดือดร้อนของดีที่ได้ไปเราก็ต้องหมั่นทำความดี ใช้ไนในทางที่ดียึดมั่นไม่หลบหลู่ศีลธรรมพ่อแม่ครูบาอาจารย์ระลึกและบูชาอยู่เป็นประจำย่อมเกิดแต่สิ่งที่ดีงามเสมอไปขอให้ลูกศิษย์ทุกคนรวยเงิน รวยทอง รวยศีล รวยทานรุ่งเรืองค่ำคูณร่ำรวยร่ำรวยเทอญ
อาศรมสถานปู่ฤๅษี
*** ถ้ามาจากทาง จ.ขอนแก่น อ.เชียงยืน มาก่อนถึง อ.ยางตลาด 4 กิโลเมตร ให้เลี้ยวซ้ายเข้ามาในหมู่บ้าน
เปิดทุกวัน ติดต่อสอบถาม โทร 085-4517793, 081-0676617
ประวัติชาติภูมิ(ต่อ)
จนกระทั่งอาจารย์เข้าอุปสมบทที่บ้านเกิดตัวเองที่จังหวัดร้อยเอ็ด แต่บวชได้ไม่เกิน 30 วันก็ได้สึกไปทำงาน ขณะบวชอาจารย์ก็รู้ตัวดีว่าเรามีเวลาอยู่ในผ้าเหลืองได้ไม่นาน แต่ต้องปฏิบัติให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งเรื่องของสมาธิ และ การทำกิจของสงฆ์ และ ได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อเพื่อเรียนอักขระขอม ธรรม ยันต์ ต่างๆเพื่อให้เกิดความชำนาญมากขึ้น ซึ่งหลวงพ่อท่านก็ได้สอนให้โดยไม่มีปิดบังและเมื่อไปอยู่ไกลต่างจังหวัดก็ไม่เคยนึกลืมถึงคุณครูบาอาจารย์ก็ยังเทียวไปเทียวมาเพื่อศึกษาวิชาไสยเวทย์กับหลวงปู่สิงห์ อาจารย์ใหญ่ และ อาจารย์เขียว ปรีชา สุเมโธ อยู่เสมอจากนั้นบวชได้ 2 สัปดาห์ จู่ๆก็มีชายแก่ซึ่งอาจารย์ เรียกว่า พ่อ เพราะคุ้นเคยกันกับลูกชายท่านตอนสมัยเด็กๆ พักนี้พ่อจะมานั่งเล่นที่วัดบ่อย มานั่งเล่นที่กุฏิอาจารย์บ่อยกลางคืนก็มา บางวันมาทั้งกลางคืนกลางวันบางครั้งก็มาเจอกับอาจารย์ขณะสวดมนต์นั่งสมาธิอยู่บนกุฏิพ่อก็จะมานั่งคุยจนดึกทำอย่างนี้อยู่หลายวัน จนวันหนึ่งพ่อจึงเผยออกมาว่านี้คือตำราสายวิชาของตากลมที่พ่อรับมาจากตากลมและตากลมเคยบอกไว้ว่าเอาไว้ให้หลานกูถ้ามันชอบมันใฝ่มึงค่อยให้มัน ถ้ามันไม่ชอบก็ให้ตำรานี้ตายไปกับมึงซะ ตอนนั้นถึงเวลาแล้วเพราะได้บวชบรรลุนิติภาวะแล้วอาจารย์ดีใจเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ยังไงบอกไม่ถูก เพราะตาได้เสียชีวิตมานานหลายปีแล้ว พ่อบอกว่า พ่อเก็บรักษาไว้ตามที่ตาบอกและค่อยสังเกตอาจารย์อยู่ทุกยาม และค่อยสอบถามเพื่อนบ้านใกล้เคียงอยู่เสมอ ถึงอุปนิสัยใจคอต่างๆหลายปีจนมั่นใจเชื่อได้ และอาจารย์ได้ถามถึงเรื่องราวที่ตาโดนรุม ตอนไปเที่ยวงานบุญบั้งไฟ พ่อก็ยิ้มพลางหัวเราะพลางแล้วก็ค่อยๆเล่าให้ฟังว่า พ่อนี้แหละเป็นคนไปมีเรื่องก่อน ตาก็เลยเข้ามาช่วย เหตุการณ์มันเป็นแบบที่เขาล่ำลือกันแหล่ะและนี่แหละคือตำรา วิชาอาคม ขอให้เก็บรักษาและตั้งใจให้ดี ของดี คนดี มันก็ดีวันยังค่ำนะรักษาเอาไว้หลังจากสึกมา ก็ได้มาคารวะครูบาอาจารย์อยู่เสมอและยังมุ่งหน้าเพื่อศึกษาวิชาอาคมไสยเวทย์ให้เข้มขลังยิ่งขึ้น ได้เข้าฝากตัวเป็นศิษย์กับพระอาจารย์เขียว ปรีชา สุเมโธ และคนอื่นๆอย่างจริงจัง เพื่อให้เกิดความขลังสืบไปซึ่งพระอาจารย์เขียวก็ได้ให้คำเมตตาได้สั่งสอนศิษย์คนนี้อย่างพอควรที่ฆราวาสจะรับได้ มีกลุ่มลูกศิษย์ หรือ คนที่อยู่ใกล้ชิดกับพระอาจารย์ ปรีชา สุเมโธ ก็จะพูดกันอยู่บ่อยๆว่า ศิษย์เอกสายฆราวาสของหลวงพ่อปรีชา ก็นี้แหละ อ. เค หนองบัวหน่วย
ประวัติชาติภูมิ
ตำนานการสักยันต์
คำว่าสักยันต์หลายต่อหลายคนคงอยากรู้ความจริงการสักยันต์คืออะไร การสักยันต์มีมาแต่เมื่อไรและวิธีการสักยันต์แบบไหนถูกต้อง อาจารย์สักยันต์คนไหนเก่งหรือไม่ มีวิธีการพิจารณาอย่างไร เพราะถ้าการสักยันต์ผิด ๆ ไป เสียไปตลอดชีวิต การแก้ไขเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมาก การสักยันต์มีมาแต่สมัยโบราณกาลแล้ว สมัยก่อนมีการสักยันต์สองประเภทคือสักยันต์สำหรับ พวกเล่นวิชา สักยันต์อีกแบบหนึ่งเรียกว่า นักโทษหรือทาส สักยันต์แบบพวกเล่นวิชามีมาแต่สมัยโบราณผู้ที่สักหรือผู้เล่นวิชาจะถือวิชาอย่างเคร่งครัดไม่ยอมผิดครูใดๆ ทั้งสิ้นเพราะกลัววิชาจะไม่กล้าแกร่งอย่างเต็มที่
ลายสักหมึก
สักยันต์นั้นมีมาแต่ยุคสมัยก่อนกรุงสุโขทัยที่เท่าที่เห็นได้ชัดมาปรากฎในยุคของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพราะเป็นช่วงการเสียเมืองบรรดาทหารประชาชน ต่างก็ต้องหาของดีไว้ป้องกันตัวแม้แต่พระองค์ท่านซึ่งไม่มีประวัติในการสักก็จริง แต่มีในส่วนของสมเด็จพระสังฆราชคือ สมเด็จพระวันรัตน์วัดป่าแก้วเป็นผู้ที่ดูฤกษ์ชัยประกอบพิธีกรรมต่างๆในยุคนั้น ไม่ว่าการบรรจุดวงพิชัยสงครามการดูฤกษ์ออกรบการปล้นค่าย รวมทั้งการทำพิธีศักสิทธิ์ทั้งหลายเพื่อให้ได้ชัยชนะ การสักยันต์จะมาปรากฎให้เห็นเด่นชัดในช่วงปลายกรุงศรีอยุธยา คือยุคบางระจัน ที่ชาวบ้านบางระจันป้องกันหมู่บ้านของตนเอง ที่มีพระอาจารย์ธรรมโชติเป็นฝ่ายสงฆ์ ท่านเป็นพระผู้ให้และเสียสละทุกครั้งที่มีการต่อสู้พม่าท่านจะให้ศีลให้พรรวมทั้งการแจกผ้ายันต์ตระกรุดพิศมร ให้กับชาวบ้านไม่ว่าระดับเล็กหรือระดับใหญ่ และชาวบ้านส่วนมากก็มีการสักยันต์ การลงน้ำมันทาตัว เพื่อให้เหนียวและคงกระพัน จนเป็นที่แปลกใจให้กับบรรดาแม่ทัพของพม่าว่าชาวบ้านเพียงเล็กน้อยจะสามารถต่อสู้กับทัพใหญ่ของพม่าได้ การสักยันต์ในที่นี้จะขอกล่าวไว้ 2 ประเภท
1.สักยันต์แบบน้ำมัน
2.สักยันต์แบบหมึก
1.สักยันต์แบบน้ำมัน เป็นการสักยันต์ที่ไม่ปรากฎภาพให้เห็น วัถุที่ประกอบในการสักน้ำมันมี
1.1.น้ำมันสัก อาจารย์ส่วนใหญ่จะใช้น้ำมันงาเพราะเข้าร่างกายไม่เป็นอะไร
1.2.ว่านที่ใช้ผสมกับน้ำมันงา อยู่แต่ละประเภทของยันต์หรือภาพยันต์ แต่การนำว่านที่มาผสมสักนั้นไม่ใช่ว่าจะซื้อมาใช้ได้เลย ต้องมีพิธีกรรมเมื่อได้หัวว่านมาแล้ว มีการหาฤกษ์หายามในการปลูก ถ้าคงกระพันต้องปลูกวันแข็ง ถ้าว่านทางเมตตาใช้วันอ่อน ระหว่างที่ปลูกต้องมีมนต์คาถาปลูกและการรดน้ำว่านก็มีคาถากำกับเสมอ และในตอนสุดท้ายการขุดหาวันขุดว่านด้วย ถึงจะได้สำฤทธิ์ผลของว่านด้วยไม่ใช่ซื้อว่านมาผสมทำได้เลยแบบนี้ที่อาจารย์สมัยใหม่หลายๆท่านได้ทำกัน ถ้าคนที่มาสักยันต์กับอาจารย์เป็นนักเรียนักศึกษาอาจารย์จะไม่ค่อยสักหมึกให้เพราะกลัวมีปัญหาเมื่อคนที่มาสักไปหางานหาการทำจะมีปัญหาในการรับเข้าทำงานอาจารย์จะลงน้ำหมึกและน้ำมันพุทธคุณดีสุดยอดให้กับลูกศิษย์ลูกหาที่มาสัก ยันต์ที่อาจารย์สักมีหลายด้านอาจารย์จะสักแบบโบราณจะไม่ใช้เครื่องสักเลย 2.สักยันต์แบบน้ำหมึกการสักยันต์แบบหมึก การสักสันต์แบบหมึกนี้จะปรากฏเป็นภาพสีขึ้นมาโดยปกติการใช้หมึกนั้นส่วนใหญ่จะหมึกจีนเป็นหลักแต่ปัจจุบันนี้ได้มีหมึกเข้ามาในประเทศอย่างมากบางอาจารย์ก็ใช้หมึกของต่างประเทศเพื่อให้ดูสวยงาม บางอาจารย์ใช้หมึกสีแดง สีเขียวเข้ามาประกอบด้วย เพื่อพัฒนาลวดลายของสำนักตนเอง แต่ที่ตามโบราณ์ยึดถือกันมาเก่าแก่ คือหมึกจีนมากกว่า
2.สักยันต์แบบน้ำหมึกการสักยันต์แบบหมึก การสักสันต์แบบหมึกนี้จะปรากฏเป็นภาพสีขึ้นมาโดยปกติการใช้หมึกนั้นส่วนใหญ่จะหมึกจีนเป็นหลักแต่ปัจจุบันนี้ได้มีหมึกเข้ามาในประเทศอย่างมากบางอาจารย์ก็ใช้หมึกของต่างประเทศเพื่อให้ดูสวยงาม บางอาจารย์ใช้หมึกสีแดง สีเขียวเข้ามาประกอบด้วย เพื่อพัฒนาลวดลายของสำนักตนเอง แต่ที่ตามโบราณ์ยึดถือกันมาเก่าแก่ คือหมึกจีนมากกว่